หลวงพ่อใหญ่พระประธานในอุโบสถเป็นพระพุทธรูปที่เก่าแก่ และมีความศักดิ์สิทธิ์มากไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าหลวงพ่อที่ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปหรอก หลวงพ่อใหญ่องค์จริงๆ ของท่านข้างในเป็นศิลาแลง
ตามประวัติ รัชกาลที่ 1 ,รัชกาลที่ 5 ,รัชกาลที่ 6 ,สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฏราชกุมาร ,พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าศรีรัศมิ์ ,พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ เคยเสด็จมากราบนมัสการ และสมเด็จพระญาณสังวรสมเด็จพระสังฆราช องค์ปัจจุบัน ก็เคยเสด็จมากราบสักการะ แต่ว่าท่านเป็นพระที่ชอบความเงียบสงบ
ตอนที่อาตมาจัดพิธีฉลอง 100 ปีเสด็จประพาสต้น ก็ได้เปิดอุโบสถ เปิดไฟไว้ให้คนเข้าไปปิดทอง เห็นมีแผ่นทองปิดอยู่แค่ 2 แผ่น แต่คนที่มาวัดเต็มไปหมด เขาอาจจะมองข้ามไป หรือพระพลวงพ่อใหญ่ท่านไม่ชอบความวุ่นวายก็อาจจะเป็นไปได้
หลวงพ่อใหญ่เป็นพระประธานมาแต่เดิมเลยนะ คราวที่หลวงปู่เอี้ยงท่านมาสร้างอุโบสถใหม่ ท่านก็เอาขึ้นประดิษฐานไว้ที่เหมือนเดิม เคยมีเด็กไปเล่นซ่อนหาอยู่หลังท่าน มีคนเห็นว่าท่านเอนหลังไปเหมือนแกล้งจะทับเพื่อไม่ให้มาเล่นหลังท่านอีก
ตอนที่ซ่อมอุโบสถ แต่ทุนทรัพย์หมดเกลี้ยง ไม่เหลือเลย อาตมาก็เข้าไปบอกกล่าวท่าน " หลวงพ่อลูกหมดปัญญาแล้ว สงสัยหลวงพ่อต้องหาทุนซ่อมเองแล้วละ ปูหินอ่อนก็ได้ครึ่งเดียว หินอ่อนก็คนละสีกัน "
แต่พออยู่มาวันหนึ่ง โยมวันชัยมาขอว่า " อาจารย์ผมขออนุญาตมาทาสีอุโบสถให้ทั้งข้างนอก และข้างในเลย อาจารย์จะอนุญาตใหม "
อาตมาก็อนุญาตให้เขาทำ เขาก็เอาช่างมาเอง อาตมาไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับปัจจัยสักบาทเดียว จนเสร็จบริบูรณ์ เสร็จแล้วเพื่อนของโยมวันชัยมาเที่ยวแล้วเห็นปูหินอ่อนไว้แค่ครึ่งเดียว ก็เลยขออนุญาตปูให้เสร็จเลย
วันหนึ่งอาตมาลงไปสวดนาคในอุโบสถ องค์หลวงพ่อซึ่งปิดทองมาตั้งแต่ปี พ.ศ.2510 แต่พระลูกวัดเขารู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เลยไปเช็ดองค์ท่าน จึงทำให้องค์ท่านเกิดรอยดำๆ ด่างๆ ดูแล้วไม่สวยงาม อาตมาก็บอกกล่าวกับท่านไปว่า " กระผมไม่มีปัญญาที่จะปิดทองหลวงพ่อ "
พอบวชพระเสร็จฉลองเพลเสร็จก็มานั่ง โยมนฤมลซึ่งอาตมาก็ไม่เคยรู้จักมาก่อน ก็เข้ามาบอกว่า " พระอาจารย์ จะมาขอปิดทองหลวงพ่อให้ " อาตมาก็บอกกับพระลูกวัดให้พาโยมไปดู เขาก็จัดการพาช่างมาปิดทองทั้งหมดเลย เป็นอันว่าเสร็จบริบูรณ์ ท่านทำของท่านเอง เราไม่ต้องไปยุ่งอะไรแต่พอถึงคราวอาตมาเองนะเวลาทำอะไรต่ออะไรอาตมาก็ไม่กล้าไปบอกท่านเหมือนกัน ไม่กล้าไปขอท่าน จะไปขอว่าช่วยลูกอย่างนั้นอย่างนี้ เดี่ยวท่านจะว่าไม่มีปัญญาทำแล้วมาเป็นสมภารทำไม
หลวงพ่อใหญ่ท่านศักดิ์สิทธิ์มาก ลิเกนี่ท่านไม่ชอบเลยนะ ได้ว่าจ้างลิเกคณะ " ไชยา มิตรชัย " แสดงโดยตั้งเวทีหันหน้าเวทีไปทางหลวงพ่อใหญ่ โอ้โห ฝนตกน้ำท่วมครึ่งแข้ง รถขบวนของไชยา มิตรชัย ออกไม่ได้
อีกคราวหนึ่งทางวัดได้ว่าจ้างลิเกคณะ " พงษ์ศักดิ์ สวนศรี " มาเล่น ฝนตกน้ำครึ่งแข้งอีก แต่คริสติน่า อากีล่าร์ มาเล่นฝนไม่ตก แต่พอลิเกมาเล่นฝนกลับตก มันก็เป็นเรื่องแปลกอยู่เหมือนกัน หลวงพ่อใหญ่ท่านคงจะเคือง เพราะลิเกแต่งกายเหมือนกับพม่าท่านคงไม่ชอบ สังเกตจากว่าเวลาเล่นลิเกชอบเล่นเป็นเจ้าพม่าเป็นอะไรอย่างนี้ ท่านก็เลยไม่เอา แต่ละครนี่ชอบ
อาตมาเคยแอบเข้าไปกราบบอกกล่าวหลวงพ่อใหญ่ว่า " นิมนต์หลวงพ่อโปรดลูกช้างเถอะ ลูกนี้ความมั่นคงถาวรยังไม่มีจึงสามารถเลี้ยงดูแลวัดได้แค่ช่วงอายุของลูกแค่นั้นเอง แต่หลวงพ่ออยู่คู่วัดมาตั้งแต่ต้นปฐมมาแล้วตลอดไปในภายภาคหน้า อยากอาราธนาให้หลวงพ่อโปรดลูกช้างด้วย "
โยมเชื่อไหม....พออาตมาออกมาจากอุโบสถก็มีคนเข้าไปหยอดตู้บริจาคได้ปัจจัย 4 - 5 พันบาท ทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำพิธีกรรมอะไร เพียงแค่เข้าไปกราบอาราธนาท่านเท่านั้นเอง
ครั้งหนึ่งครูเจือ จิตรอร่าม เคยมาถามอาตมาว่า " ท่านมหา หลวงพ่อใหญ่วัดประดู่ คือองค์ไหน ผมเดินหาทั่ววัดแต่ไม่รู้องค์ไหน ท่านมหาพอจะรู้ไหม " อาตมาก็บอกว่า " อ้าว...ก็หลวงพ่อในโบสถ์ไง มีอะไรเหรอ "
เขาบอกว่าเพื่อรับปากจะฝากให้หลานได้เข้าทำงานที่การไฟฟ้า ทีแรกก็รับปากดี แต่พอพาหลานไปฝากเขากลับปฏิเสธ เด็กก็เสียใจ ที่นี้ฝันว่าถ้าอยากให้หลานได้ทำงานที่นั่นก็ไปบนหลวงพ่อใหญ่สิ บนละครท่านโรงหนึ่งเดี๋ยวท่านจะช่วย เขาเลยมาตามหาหลวงพ่อใหญ่ตามความฝัน
อาตมาก็เลยแนะนำให้ไปไหว้หลวงพ่อใหญ่ในอุโบสถ เขาบนเรียบร้อยแล้วก็ตัดสินใจพาหลานไปสมัครงานอีกครั้งหนึ่ง คราวนี้สามารถเอาหลานเข้าทำงานในการไฟฟ้าได้สำเร็จ
อาตมาว่าหลวงพ่อใหญ่ หลวงพ่อแจ้ง ท่านเทมาที่อาตมานี่แหละ บอกว่าสมภารเขาอยู่ก็ให้สมภารเขาก่อน ความรู้สึกมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ เรื่องความศักดิ์สิทธิ์ท่านนี้แน่นอนเลย คิดดูถนนรอบพระอุโบสถ และฟุตบาท อาตมาของบประมาณจากองค์การบริหารส่วนตำบล ยังไม่ได้เลย เขาบอกวัดไม่ใช่ที่สาธารณะ มันเป็นนิติบุคคลเขาให้ไม่ได้ อยู่ๆ ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดมาทำให้เฉยเลย หลวงพ่อท่านไม่ธรรมดา ท่านทำของท่านเอง สมภารความสามารถไม่ถึง ท่านให้ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดมาทำให้เลย ทำฟุตบาท ทำถนนให้เรียบร้อยเลย เราไม่ต้องไปยุ่ง
ต่อมาผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมาขออนุญาตเอาชื่อวัดเข้าไปเสนอขอแต่งตั้งเป็นพระอารามหลวง อาตมาปฏิเสธไปครั้งหนึ่งแล้ว ครั้งที่ 2 ก็ปฏิเสธ ครั้งที่ 3 ถ้าเราปฏิเสธอีกมันจะไม่ได้แล้ว เขาจะหาว่าเราเล่นตัว อาตมาก็บอกว่า เอาอย่างนี้ขอตัดสินใจก่อนนะ พอ ผอ.สำนักพุทธฯ กลับไปแล้ว อาตมาก็เลยขออธิษฐานจิตในกุฏิว่า " วันนี้หากหลวงพ่อจะอนุญาตให้เป็นพระอารามหลวงตามที่ท่าน ผอ.สำนักพุทธฯ มาขออนุญาต ถ้าลูกศิษย์เข้าไปในโบสถ์ก็ขอให้หลวงพ่อยิ้ม แต่ถ้าหากหลวงพ่อไม่อนุญาตก็ให้พระพักตร์วางเฉย หรือบึ้งตึงก็แล้วกัน "
พอขึ้นบันไดเข้าไป หลวงพ่อใหญ่ท่านนั่งยิ้มเลย อาตมาก็เลยเอาประวัติวัดให้เขาไป เพราะหลวงพ่อท่านอนุญาตแล้ว ตอนที่ทำประวัติวัดอาตมาก็ให้ทางพระสมุหฯ เขาถ่ายรูปวัด และเอาเก็บใส่แฟ้มปกแข็ง เสร็จแล้วก็ส่งไปให้ทาง ผอ.สำนักพุทธฯ โดยที่ทางวัดอื่นเขาเข้าเล่มเดินปกสีทองอย่างดี แต่วัดประดู่ใส่แฟ้มอย่างเดียว แต่กลับมาเด่นกว่าเขา เขาดึงแฟ้มนั้นมาดูมาพิจารณาก่อน เพราะแต่ละเล่มมันหนามากนะ มีแฟ้มแล้วก็มีซีดีด้วย ก็เลยได้รับพิจารณาติดวัดที่ 9 พอดีเลย แต่อาตมาอุ่นใจอย่างคือหลวงพ่อท่านก็ยิ้ม ยิ้มให้เราเห็นแล้ว แสดงว่าอนุมัติแล้ว
ทุกวันนี้ก็ยังมีคนมาขอโชคขอลาภจากท่านอยู่เป็นประจำ คือเหมือนกับเรามีความรู้สึกเองว่า เออสมภารเขาอุตส่าห์มาอาราธนา ทำตามเจตนาเขาหน่อยก็แล้วกัน แต่พออยู่มาๆ มันเริ่มรำคาญ ลูกช้างมีแต่เรื่องเดือดร้อนมาหา ก็เลยปิดซะอีก เหมือนกับว่าท่านก็พยายามแล้ว แต่ท่านก็คงรำคาญ ยังไม่ชิน ชอบอยู่เงียบๆ แต่บางวันก็ยิ้มนะ นั่งยิ้มแก้มปริเลย แต่บางวันหน้าบึ้งเหมือนท่านโกรธเลย
ภายในอุโบสถวัดประดู่ พระอารามหลวง เป็นที่ประดิษยฐานพระเกศาธาตุพระพุทธเจ้า (แห่งเดียวในประเทศไทย)
:: ขอขอบคุณ คณะศิษย์วัดประดู่ ทุกท่าน...ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล ::