พระพรหม-พระวิษณุกรรม-พระพิราพ
สำนักเขาพระพุทธบาท (ราชบุรี) บ้านพุกระถิน ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เป็นสำนักสงฆ์อยู่ในความดูแลของ พระครูพิศาลจริยาภิรม หรือพระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่(พระอารามหลวง) ที่ท่านเมตตาอนุเคราะห์เป็นประธาน และหัวแรงใหญ่ในการจัดสร้าง เพื่อเป็นสถานปฏิบัติธรรมของพระสงฆ์ในละแวกนั้น รวมถึงเพื่อยกระดับให้กลายเป็นวัดของชุมชนต่อไปในภายภาคหน้า
พิธีบวชชีพราหมณ์ " วันวิสาขบูชา " ณ สำนักปฏิบัติธรรมเขาพระพุทธบาทบ้านพุกระถิน ต.ยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ในระหว่างวันที่ 21 - 27 พฤษภาคม 2556 ซึ่งในปีนี้มีญาติโยมเข้าร่วมบวชชีพราหมณ์เป็นจำนวน 151 คน
:: บทความจากไทยโพสต์ โดย :: ประวิทย์ จำปาทอง http://www.thaipost.net/tabloid/270113/68656
จากสี่แยกปากท่อ ขับรถเลี้ยวไปตามเส้นทางโป่งกระทิง จะเห็นป้ายชี้บอกทางไป " สำนักเขาพระพุทธบาท " เป็นระยะๆ ไป พอถึงหมู่บ้านห้วยศาลา เลี้ยวขวาตรงไปเรื่อยๆ จะพบเส้นทางทุ่งหลวง-หินสี รถเราเลี้ยวซ้ายไปจนถึงหมู่บ้านลานคา ก่อนจะถึงโรงเรียนประถมศึกษาเลี้ยวขวา ขับรถลงทางลูกรังตามลูกศรไปประมาณ 5 กม.เศษๆ จะถึงสำนักเขาพระพุทธบาท ! ก่อนจะขึ้นไปบนภูเขา ด้านขวามือนั้นมีบ้านหนึ่งหลัง เป็นร้านค้าขาย คุณลุงทนง พวงอินทร์ อายุ 67 ปี และคุณป้าอรวรรณ อายุ 55 ปี อยู่กับหลานๆ 2-3 คน ส่วนลูกๆ ต่างก็มีครอบครัว แยกกันทำมาหากินอยู่ทั่วๆ ไป ในพื้นที่ป่าเขาในหุบนั้นรู้สึกจะไม่มีครอบครัวคนอื่นปะปนอยู่กันเลย ลุงทนงและป้าอรวรรณ สามีภรรยาคู่นี้แหละ มีความสำคัญต่อรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ ! เพราะเป็นลูกเขาที่อยู่ในเขตพื้นที่ของท่าน แสดงว่าท่านทั้งคู่เป็นผู้พบเห็นพระบาทก่อนใคร ! พระสมุห์นุกูล อนาวิโล 19 พรรษา อายุ 42 ปี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดประดู่ พระอารามหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เล่าให้ผมฟังว่า " โยมทนงกับโยมอรวรรณมาหาท่านหลวงพ่อ บอกว่าเห็นรอยพระพุทธบาท หลวงพ่อจะเข้าไปดำเนินการไหม? " " ตอนนั้นเป็นปี พ.ศ.2549 ทางวัดประดู่ยังก่อสร้างพัฒนาอยู่ จึงยังไม่รับปาก " พอมาวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2552 โยมสองท่านนี้ได้เข้ามาถามหลวงพ่ออีกครั้งหนึ่ง ถ้าหลวงพ่อไม่เอา จะมีพระที่อื่นเข้ามาดำเนินการ ! " หลวงพ่อเลยตัดสินใจเข้าไปดำเนินการ " ผู้ช่วยเจ้าอาวาสเล่า ทางศิลปากรได้เข้ามาแล้วและรับรองว่า เป็นรอยประทับพระบาทของพระพุทธองค์ ! " มีรอยพระพุทธบาททั้งหมด 8 รอย " ผมนั่งคุยกับลุงทนง และป้าอรวรรณ ที่โต๊ะร้านค้าหน้าบ้านท่าน " ฉันได้ถวายที่ดินทั้งหมดให้วัด ภูเขา 5 ลูกประมาณ 350 ไร่ และยังเหลืออีก 200 กว่าไร่ " ลุงทนงเล่า " ถวายเป็นพุทธบูชา " ลุงทนง และป้ามาอยู่ตรงลานคา บริเวณป่าหุบเขานี้รวมแล้ว 38 ปีได้ คือตั้งแต่ปี พ.ศ.2518 หากินอยู่ที่นี่ ถ้าจะพูดไปแล้วลุงและป้าคือเจ้าพ่อเจ้าแม่ใหญ่อยู่ในป่าหุบเขาบ้านลานคาแห่งนี้ ซึ่งไม่มีครอบครัวไหนเข้ามาอยู่ ทำมาหากินบนผืนดินทั้งหมดเลย ตรงนี้ไม่มีโฉนด ไม่มีใบสำคัญอะไรเป็นหลักฐาน เพราะเป็นป่าแท้ๆ ทั้งสิ้น หากจะมีการซื้อขายกันก็เชื่อใจกันเท่านั้น และตกลงกันเอง คิดอีกทีแล้วใครจะมาอยู่ในป่านี้ เพราะไม่มีบ้านผู้คน ลุงทนงเล่าให้ผมฟังว่า เขามีลูกบุญธรรมหลายคน! สาเหตุใหญ่ก็คือพวกคนประเภทฆ่าเขาตายหรือมีคดีสำคัญๆ จะหนีมาอยู่บ้านเขา เขาก็เลี้ยงดูและสอนให้เป็นคนดีขึ้นมา เมื่อเติบใหญ่คนเหล่านี้ประพฤติตนดี มีการงานสำคัญๆ ก็หันเข้ามาอุปการะท่านเหมือนพ่อ! ผมไปมาหาสู่บ้านลุงป้าคู่นี้ 2-3 ครั้ง เห็นนิสัยแล้ว ท่านเป็นคนดีมีศีลธรรมทั้งคู่ พูดจาตรงไปตรงมาและซื่อสัตย์ และมองเห็นแววนักเลงและความเด็ดขาดอยู่ในทีทั้งสองท่าน! เป็นบุคคลน่าเคารพทั้งคู่ " ทางกรมป่าไม้ได้ยิงพิกัด 120 ไร่ ที่เราครอบครองทั้งหมดประมาณ 1,000 กว่าไร่ " ท่านสมุห์นุกูลเล่า " ทางสำนักฯ จะทำงานร่วมกับกรมป่าไม้ เพื่อดูแลรักษาป่าไม้ไว้และรักษาสัตว์ป่าด้วย " ผมขับรถขึ้นไปบนเขา เห็นศาลาปฏิบัติธรรม ศาลาโรงครัว รูปหล่อพระสีวลีองค์ใหญ่ประทับยืนบนเงื้อมเขา ที่พักสงฆ์ และกำลังสร้างบันไดพญานาคใหญ่ ลานพื้นที่ก็ปรับให้กว้างออกมาโดยถมจากเหว รถยนต์ขับขึ้นไปจอดบนด้านหน้าที่พักสงฆ์ เห็นพระและเณร 4-5 รูปที่นั่นกำลังทำงานกันอยู่ ผมเดินไต่ขึ้นไปบนภูเขาซึ่งไม่สูงนัก สร้างขั้นบันไดปูนบางจุดเพื่อให้เดินสะดวกขึ้น ตามองขึ้นไปจะเห็นองค์พระพุทธรูปตั้งตระหง่าน ต่ำลงมานิดเป็นรูปหล่อสมเด็จโตฯ ให้เรากราบไหว้ เบื้องหน้าเป็นรอยพระพุทธบาทอยู่ห่างกันเป็นจุดๆ ในบริเวณนั้น โดยก่อเป็นอิฐศิลาแลงขึ้นมา เพื่อเป็นแนวรอบรอยพระพุทธบาทเอาไว้ รอยพระพุทธบาทใหญ่ที่สุดจะมีความยาวของพระบาท 230 ซม. กว้าง 90 ซม. และลึก 40 ซม. รอยพระพุทธบาทรองลงมายาว 111 ซม. และกว้าง 22 ซม. ใกล้ๆ กันมีรูปธรรมจักรใหญ่ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 26 นิ้ว นอกนั้นอีก 7 รอยก็เล็กลงตามลำดับ ผมก้มลงกราบด้วยความเคารพ พร้อมด้วยพวงดอกไม้เป็นเครื่องบูชา ทำให้คิดไปว่า ผู้คนสมัยเมื่อ 2,000 กว่าปีนั้น มีความศรัทธาในองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ไม่น้อย รอยพระพุทธบาทแห่งนี้จึงเกิดขึ้น ได้มากราบไหว้โดยถ้วนหน้ากัน ในช่วง 200 ปีหลังจากการปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ปรากฏว่ามีการสร้างรูปเคารพ แทนองค์พระพุทธเจ้า มีผู้สันนิษฐานว่าเป็นเพราะช่วงเวลานั้นบรรดาพุทธศาสนิกชนยังไม่นิยมรวมกลุ่มกันเพื่อประกอบพิธีกรรมใดๆ ประการหนึ่ง แต่มุ่งเน้นการศึกษาพระธรรมโดยสันโดษ จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องสร้างรูปเคารพขึ้น แต่มีผู้สันนิษฐานไปอีกแง่มุมหนึ่งว่า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เป็นผู้เคารพบูชาอันสูงสุดที่หาเทียบพระองค์มิได้ บุคคลใดมิอาจบังอาจบังควรจะก้าวล่วงในพระองค์ท่าน ถ้าจะเคารพกันก็ควรจะสร้างเป็นเพียงสิ่งสัญลักษณ์ขึ้นเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้สัญลักษณ์แทนองค์พระพุทธเจ้าจึงเกิดขึ้นมาเป็นภาพดอกบัว สถูป เสา รอยเท้า จักร เพื่อเป็นสื่อแทนพระองค์ ในราวพุทธศตวรรษที่ 6 ช่างอินเดียในแคว้นคันธาระ จึงได้เริ่มสร้างรูปพระพุทธเจ้าในรูปร่างมนุษย์หรือพระพุทธรูปขึ้นมาเป็นครั้งแรก โดยได้รับอิทธิพลจากศิลปกรีก-โรมัน ซึ่งนิยมสร้างรูปมนุษย์มาก่อน ดังนั้นศิลปกรรมอินเดียในยุคต้นๆ นั้นจึงดูคล้ายประติมากรรมกรีก-โรมันไป รอยพระบาทจึงเป็นสัญลักษณ์แทนพระองค์ เพื่อเคารพบูชา ก่อนที่จะมาสร้างเป็นพระพุทธรูป! รอยพระพุทธบาทก็คือองค์แทนพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง! ตามความเชื่อแต่โบราณ แบ่งรอยพระพุทธบาทเป็น 3 ประเภท 1.รอยพระบาทจริงที่พระพุทธองค์เสด็จประทับไว้เอง 2.รอยพระพุทธบาทที่จำลองขึ้นมาจากรอยพระพุทธบาทจริง 3.รอยพระพุทธบาทที่สร้างขึ้นมาเป็นสัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์ โบราณเชื่อว่าพระพุทธองค์ประทับรอยพระบาทไว้จริงๆ ซึ่งตามตำนานปุณโณวาทสูตรก็กล่าวไว้ว่า พระพุทธองค์ได้เสด็จเหยียบรอยพระบาทไว้ในที่ 5 แห่ง คือ เขาสุวรรณมาลิก เขาสุวรรณบรรพต เขาสุมนกูฏ เมืองโยนกบุรี และที่หาดทรายผืนน้ำนัมมทา เขาสุวรรณบรรพตนั้นว่าอยู่ในเมืองไทย คือ พระพุทธบาทสระบุรี ส่วนเขาสุมนกูฏนั้นเป็นดอยแห่งหนึ่งอยู่ในเกาะลังกา เรียกว่าเขาอาดัม ในความเป็นจริง รอยพระพุทธบาทที่พระพุทธองค์ประทับไว้อาจมีมากกว่านี้ก็เป็นได้ เพียงแต่ว่าการค้นคว้ายังไม่สามารถเห็นอีกนั่นเอง! ท่านพระครูพิศาลจิรยาภิรม (พระมหาสุรศักดิ์ อติสกฺโข) ปธ.5 เจ้าอาวาสวัดประดู่ พระอารามหลวง อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เล่าให้ผมฟังว่า เวลาประมาณ 2 ทุ่ม ดวงไฟคล้ายโคมลอยลงมาสีนวลขาว ตรงที่พระพุทธบาทนานเป็นชั่วโมง เห็นกันหมดที่อยู่บนเขานั้น พระเณรก็เห็น พระอาจารย์เล็กวัดสาธุชนาราม วิทยากรพิเศษมาบรรยายธรรมแก่ผู้บวชชีพราหมณ์คืนวันวิสาขบูชา เห็นรูปไฟลอยเหนือรอยพระพุทธบาท ทิดหงี จ.สมุทรสาคร พาเพื่อนไปนอนค้างก็เห็นกันหมด เป็นลูกไฟเหนือพระพุทธบาท กลับไปบ้านบอกญาติโยม เขามาทำบุญคนละแสนๆ มันเหนือวิทยาศาสตร์ พระครูพิศาลจริยาภิรม เจ้าอาวาสพูดว่า อยากให้เป็นที่ปรากฏของชาวพุทธ ได้ทราบว่าตรงนี้เป็นรอยพระพุทธบาทอีกแห่งหนึ่ง ที่พระพุทธองค์ประทับรอยพระบาทไว้! " ท่านผู้ว่าฯ นายอำเภอ และคนกรมศิลปากรได้ไปมาแล้ว " " จะสร้างมณฑป คนขึ้นไปจะได้นมัสการ หลังจากทอดกฐินปีนี้แล้ว " ผมเชื่อ! วัดถ้ำประดู่ วัดที่มีโรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (วัดประดู่) ในพระราชูปถัมภ์เข้ามาดำเนินการ สถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนาแห่งนี้ จะเป็นที่เคารพยิ่ง แห่งชาวพุทธอย่างแน่นอน.
:: ขอขอบคุณ พี่พระ55 และคณะศิษย์วัดประดู่ ทุกท่าน...ที่เอื้อเฟื้อข้อมูล ::